Last updated: 23 เม.ย 2567 | 13942 จำนวนผู้เข้าชม |
การทำงานในสถานที่อับอากาศ มีความเสี่ยงต่อผู้ปฎิบัติงานและอันตรายจากการทำงานในพื้นที่อับอากาศตลอดเวลา เช่น หน้ามืด , หมดสติ , หมดแรง , มือเท้าชา เนื่องจากต้องทำงานในพื้นที่ขนาดจำกัด, มืด, อับ,ชื้น ออกซิเจนน้อย ขณะที่ร่างกายต้องการออกซิเจนมากปกติ ดังนั้น ต้องมีการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานเพื่อตรวจสอบความพร้อมของร่างกายว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่
เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น จึงควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนโดยตรวจสุขภาพเพื่อขอใบรับรองแพทย์ ทำงานที่อับอากาศ และหมั่นตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง มาดูกันว่ารายการตรวจสุขภาพที่อับอากาศ ต้องตรวจอะไรบ้าง
รายการตรวจสุขภาพในสถานที่อับอากาศ
ใบรับรองแพทย์สำหรับปฏิบัติงานในพื้นที่อับอากาศ (Medical Certificate For Working In Confined Space)
เป็นคำถามคัดกรองถึงความเสี่ยงในการปฏิบัติงานในที่อับอากาศ ได้แก่ โรคที่เกี่ยวกับหัวใจ หอบหืด ความผิดปกติของระบบประสาท ระบบเลือดต่างๆ
สาเหตุเนื่องจากการทำงานในที่อับอากาศจะมีปฏิบัติงานในสถานที่คับแคบ ประวัติโรคข้างต้นจึงจำเป็น
เพื่อประเมินว่าผู้ปฏิบัติงานมีความพร้อมทางร่างกายต่อการปฏิบัติงานเพียงใด
รวมไปถึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากการปฏิบัติงานอีกด้วย
ผู้ที่เข้ารับการตรวจสุขภาพจะได้รับใบรับรองแพทย์สำหรับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่อับอากาศโดยเฉพาะ โดยมีรายการตรวจตามที่กฎกระทรวงกำหนด
นายจ้างสามารถอ้างอิงความเห็นของแพทย์ตามข้อมูลในรับรองแพทย์ เพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ลูกจ้างทำงานในที่อับอากาศได้
ช่วยคัดกรองภาวะอักเสบในเนื้อปอดจากสารเคมี
ช่วยคัดกรองการติดเชื้อในปอดในระยะแพร่กระจาย เช่น วัณโรคระยะแพร่กระจาย
ภาวะดังกล่าวจัดว่ามีความเสี่ยง ไม่ควรปฏิบัติงานในสถานที่อับอากาศ
เป็นการตรวจสมรรถภาพการมองเห็นระยะไกล ทั้งสองตา
หากผู้ที่มีความผิดปกติทางสายตาเกินค่าที่ยอมรับได้ จะต้องทำการแก้ไขโดยการสวมแว่นหรือคอนแทคเลนส์ให้สามารถมองเห็นได้ชัด จึงจะสามารถปฏิบัติงานในสถานที่อับอากาศได้
คัดกรองภาวะโลหิตจางรุนแรง จะทำให้หมดสติในสถานที่อับอากาศได้ง่าย
ตรวจปริมาณเกล็ดเลือด ผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ จะมีความเสี่ยงต่อการเลือดออก หรือเสียเลือดมาก จากการกระทบกระแทกได้ง่าย เมื่อปฏิบัติงานในสถานที่คับแคบ
ผู้ที่มีการตั้งครรภ์อยู่ไม่ควรปฏิบัติงานในสถานที่อับอากาศเนื่องจากสถานที่แคบและอากาศไม่ไหลเวียน ทำให้มีโอกาสได้รับสารเคมีต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานได้มากกว่าปกติ เช่น ไอตะกั่ว ตัวทำละลายในสีหรือกาว ซึ่งส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้
การปฏิบัติงานในสถานที่อับอากาศจำเป็นจะต้องได้ยินเสียงเตือนของผู้ร่วมงาน รวมถึงสัญญาณเตือนต่างๆได้อย่างชัดเจน ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
หากมีปัญหาทางการได้ยิน ไม่ควรปฏิบัติงานในสถานที่อับกาศ และควรตรวจหาสาเหตุและรักษา กับแพทย์หู คอ จมูกต่อไป
เป็นการตรวจเป่าลมหายใจผ่านเครื่องมือตรวจวัด เพื่อประเมินการขยายตัวของปอด จากปริมาตรและอัตราการไหลของลมหายใจ
หากมีความผิดปกติในการขยายตัว หรือผิดปกติแบบอุดกลั้นแบบปานกลางถึงรุนแรง ไม่ควรทำงานในสถานที่อับอากาศ ควรพบอายุรแพทย์ทรวงอกเพื่อทำการตรวจหาสาเหตุและรักษาต่อไป
ช่วยคัดกรองโรคหัวใจบางชนิดที่อาจเป็นอันตรายต่อการปฏิบัติงาน เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิด ,ภาวะหัวใจโต รวมไปถึงภาวะการนำสัญญาณไฟฟ้าในหัวใจถูกขัดขวางบางชนิด
ผู้ที่มีภาวะดังกล่าว ไม่ควรปฏิบัติงานในสถานที่อับอากาศ
ระยะเวลาตรวจสุขภาพตั้งแต่การซักประวัติ เจาะเลือด เก็บตัวอย่างปัสสาวะ จนถึงพบแพทย์ ใช้เวลา 45 – 60 นาที โดยประมาณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้รับบริการอาจส่งผลให้บางขั้นตอนใช้เวลาไม่เท่ากัน
ผู้รับบริการสามารถรับใบรายงานผลตรวจสุขภาพ 1-3 วันทำการ
หากสนใจตรวจสุขภาพอับอากาศ เพื่อขอใบรับรองแพทย์ พื้นที่อับอากาศ สามารถใช้บริการหรือขอคำปรึกษาได้จากอินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรมทุกสาขาใกล้บ้าน โดยค้นหาจากคลินิกใกล้ฉันใน Google หรือสอบถามโดยตรงจากช่องทางการติดต่อที่ให้ไว้บนหน้าเว็บไซต์
อาชีพที่แนะนำให้ตรวจสุขภาพในสถานที่อับอากาศ
บทความที่น่าสนใจ
เรียบเรียงโดย : นายแพทย์จิตรทิวัส อำนวยผล แพทย์ประจำอินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม สาขาตลิ่งชัน (8 มิถุนายน 2565)
อ้างอิง : Guideline for Health Examination of Confined-space Workers (2561). มูลนิธิสัมมาอาชีวะ
3 พ.ค. 2565
14 มี.ค. 2565
22 มี.ค. 2565