ข้อควรรู้! ใครบ้างควรได้รับยา PEP

ข้อควรรู้! ใครบ้างควรได้รับยา PEP

ในบทความนี้จะพามาดูว่าใครบ้างควรได้รับยา pep หรือยาต้านไวรัสฉุกเฉิน ซึ่งได้แก่ ผู้ที่ไม่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี HIV ผู้ที่ไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อหรือไม่ รวมถึงผู้มีได้รับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี HIV ดังนี้


มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็น HIV หรือไม่ทราบว่าเป็น HIV

การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็น hiv หรือกรณีที่ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็น hiv หรือไม่ มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักและทางช่องคลอด ทั้งเป็นฝ่ายรับและฝ่ายรุก โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยหรือถุงยางอนามัยแตก ถุงยางหลุด ถือว่ามีความเสี่ยงสูง จำเป็นต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดและรับยา pep

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ : ยาเป๊ป ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน ป้องกัน HIV ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา PEP


ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันกับผู้อื่น

ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันกับผู้อื่น

เป็นความเสี่ยงที่มักพบในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติด โดยการใช้เข็มฉีดยาอันเดิมที่ไม่ได้มีการทำความสะอาดที่ถูกวิธีและไม่ได้เตรียมเข็มใหม่ไว้ก่อน ขี้เกียจหาเข็มมาเพิ่ม

จึงเกิดการใช้อุปกรณ์การฉีดยาร่วมกันโดยคิดว่าเป็นเรื่องปกติ คนกลุ่มนี้ควรต้องได้รับยา pep


ดูเพิ่มเติม : ราคายาเป๊ป (PEP) ราคาเท่าไหร่?

ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถูกข่มขืนทั้งทางทวารหนักและทางช่องคลอดถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อเอชไอวี

ความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีโดยประมาณตามลักษณะของการสัมผัส

ลักษณะการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี
ต่อ 10,000 ครั้งต่อการสัมผัส
ทางทวารหนักโดยเป็นฝ่ายรับ 138 ครั้ง
ทางทวารหนักโดยเป็นฝ่ายรุก  11 ครั้ง
ทางช่องคลอดโดยเป็นฝ่ายรับ  8 ครั้ง
ทางช่องคลอดโดยเป็นฝ่ายรุก  4 ครั้ง
ทางปากโดยเป็นฝ่ายรับหรือรุก  ต่ำมาก

เอกสารอ้างอิง : แนวปฏิบัติในการให้ยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในเด็กและวัยรุ่นที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศหน่วยโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล


สัมผัสสารคัดหลั่งที่ทำให้ติดเชื้อได้ 

การสัมผัสสารคัดหลังต่างๆ ผ่านทางผิวหนังรวมทั้งสัมผัสเลือดที่มีโอกาสถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีสูง เช่น ถูกเข็มต่ำ, ผ่านทางเยื่อบุ เช่น กระเซ็นเข้าตา ปาก หรือผ่านผิวหนังที่ไม่ปกติ เช่น มีบาดแผล รอยแตก มีผื่น เป็นต้น 


บุคลากรทางการแพทย์โดนเข็มตำ

บุคลากรทางการแพทย์

โดยเฉพาะแพทย์ พยาบาล หรือผู้ที่ทำงานด้านการแพทย์ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโดยตรง ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูง

  1. สัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่ง บริเวณผิวหนังที่มีบาดแผลอักเสบ จำนวนมาก ระยะเวลานาน หรือถูกเช็มตันที่สัมผัสเลือดสารคัดหลั่งแทงทะลุผิวหนัง และผู้ป่วยมีเลือดบวกและติดเชื้อเอดส์ระยะรุนแรง

  2. ถูกของมีคม เช่น เข็มกลวงที่สัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งแทงทะลุผิวหนังลึกเข็มที่ใช้แทงเส้นเลือดแดงหรือเส้นเลือดดำผู้ป่วยมาก่อน และผู้ป่วยมีเลือดบวกหรือติดเชื้อเอดส์ทุกระยะ


อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะของเอดส์ : อาการติดเชื้อ HIV 3 ระยะ อาการเริ่มต้นจนถึงระยะสุดท้าย


"หากไม่มั่นใจว่าการสัมผัสนั้น
ทำให้ติดเชื้อได้หรือไม่
สามารถปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด"


ถ้าคุณมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี HIV ควรติดต่อตรวจ HIV และรับยา PEP ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกใกล้ฉัน และกินยาภายใน 72 ชั่วโมงหลังสัมผัสเชื้อ เพื่อให้ยาเป๊ปมีประสิทธิภาพในการรักษามากที่สุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้