ตรวจเลือด HIV หรือ ตรวจ HIV เป็นวิธีทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับสากลและเป็นวิธีตรวจหาเชื้อ HIV ที่มีความแม่นยำมากที่สุด ถึงแม้ว่าในปัจจุบันอาจยังไม่มีวัคซีนที่สามารถรักษาเชื้อไวรัส HIV ได้โดยตรง
แต่การตรวจตั้งแต่เนิ่นๆ นั้นช่วยลดความรุนแรงของโรคและภาวะแทรกซ้อนอันตรายอย่างโรคเอดส์ (AIDs) รวมถึงช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปยังบุคคลใกล้ตัวโดยไม่ได้ตั้งใจได้อย่างเห็นผล โดยเราสามารถเลือกตรวจได้ตามโรงพยาบาลทั่วไป หรือคลินิกตรวจ HIV ใกล้ฉัน เพื่อความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
ตรวจ HIV คืออะไร
การตรวจ HIV คือ การตรวจหาการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกาย โดยมีวิธีการตรวจและเทคนิคทางห้องปฏิบัติการหลายวิธี แตกต่างกันไปโดยขึ้นกับปัจจัยต่างๆ เช่น ระยะเวลาที่ได้รับเชื้อ ความแม่นยำ ความสะดวกสบาย ชนิดของสารคัดหลั่ง เป็นต้น
โดยเชื้อ HIV เป็นเชื้อไวรัส ที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์และทางเลือด สามารถพบเชื้อ HIV ได้ในเลือด , สารคัดหลั่ง เช่น น้ำอสุจิ สารคัดหลั่งในช่องคลอด เป็นต้น ปัจจุบันมักตรวจหาโดยการเจาะเลือด และมีชุดตรวจด้วยตนเองบางชนิดที่สามารถตรวจจากน้ำในช่องปากได้
วิธีการตรวจเลือด HIV มีกี่แบบ
การตรวจ HIV จากการตรวจเลือด มีวิธีการตรวจและเทคนิคทางห้องปฏิบัติการหลายวิธี โดยหลักการของแต่ละวิธีการตรวจคือ เราสามารถตรวจหาเชื้อเอชไอวีโดยตรง (HIV Ag), ตรวจหาภูมิคุ้มกันที่ร่างกายผลิตขึ้นตอบสนองการติดเชื้อเอชไอวี (AntiHIV) หรือ ตรวจทั้งสองวิธีคู่กัน (AntiHIV + HIV Ag) โดยแต่ละวิธีจะแตกต่างกันที่ความแม่นยำและช่วงเวลาตรวจไม่พบเชื้อหลังได้รับเชื้อ (Window period)
ช่วงเวลาตรวจไม่พบเชื้อหลังได้รับเชื้อ (Window period) คือ หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับเชื้อเอชไอวีมาหลังมีเพศสัมพันธ์ ตัวเชื้อไวรัสจะค่อยๆแบ่งตัวเพิ่มขึ้น โดยในช่วงแรกที่ไวรัสแบ่งตัว ปริมาณเชื้อในเลือดยังไม่เยอะมาก และ ยังไม่สามารถตรวจพบได้จากชุดตรวจ ดังนั้น ผู้ป่วยควรเลือกวิธีการตรวจให้เหมาะสมกับระยะเวลาที่ได้รับเชื้อ หากเลือกชุดตรวจที่มี window period นานเกินไป อาจยังตรวจไม่พบเชื้อแม้ว่าจะได้รับเชื้อมาแล้ว
ชุดตรวจรุ่นที่ 4 (4th Generation serology assays)
เป็นชุดตรวจที่นิยมใช้ในปัจจุบัน โดยเป็นชุดตรวจที่สามารถตรวจได้ทั้งภูมิคุ้มกันและสารพันธุกรรมของเชื้อเอชไอวีในชุดตรวจเดียวกัน (แอนติบอดีและแอนติเจน) จึงมีความแม่นยำและความไวสูง (99.5 % และ 99.8%)
มีช่วงเวลาตรวจไม่พบเชื้อ (window period) สั้น โดยสามารถตรวจพบเชื้อหลังได้รับเชื้อได้ตั้งแต่ 14 วัน หรือ 2 สัปดาห์
ชุดตรวจรุ่นที่ 3 (3rd Generation serology assays)
โดยเป็นชุดตรวจที่ตรวจภูมิคุ้มกันของเชื้อเอชไอวี (แอนติบอดี) อย่างเดียว มีความแม่นยำและความไวสูง (99.5 % และ 99.5%) โดยสามารถตรวจพบเชื้อหลังได้รับเชื้อได้ตั้งแต่ 21 วัน หรือ 3 สัปดาห์
เป็นชุดตรวจที่นิยมใช้ในปัจจุบันเช่นกัน เนื่องจากหาตรวจง่ายและราคาถูกกว่ารุ่นที่ 4 แต่มีช่วงเวลาตรวจไม่พบเชื้อ (window period) นานกว่ารุ่นที่ 4
ชุดตรวจรุ่นที่ 1 และ รุ่นที่ 2 และชุดตรวจแบบตรวจด้วยตนเอง (Self test)
โดยเป็นชุดตรวจที่ตรวจภูมิคุ้มกันของเชื้อเอชไอวี (แอนติบอดี) อย่างเดียว มีความแม่นยำและความไวที่ค่อนข้างสูง (ประมาณ 90 – 95 % ขึ้นไป) แต่ใช้เพื่อคัดกรองอย่างเดียวไม่สามารถใช้เพื่อยืนยันวินิจฉัยการติดเชื้อได้ มักมีช่วงเวลาตรวจไม่พบเชื้อ (window period) นานกว่า ตรวจพบเชื้อหลังได้รับเชื้อได้ตั้งแต่ 28 วัน หรือ 4 สัปดาห์ขึ้นไปแล้วแต่ยี่ห้อ
เป็นชุดตรวจที่ผู้ป่วยมักใช้เพื่อตรวจด้วยตนเองและปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อ ข้อดี คือสามารถเข้าถึงได้ง่าย ราคาถูก และลดความเขินอายในการมาโรงพยาบาล มักไม่ใช้ในสถานพยาบาล
และหากผลขึ้นเป็นบวก ผู้ป่วยจำเป็นต้องยืนยันการติดเชื้อที่สถานพยาบาลอีกครั้งด้วยชุดตรวจรุ่นที่ 3 หรือรุ่นที่ 4 อีกครั้ง
หากผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ แนะนำตรวจเอชไอวีด้วยชุดตรวจรุ่นที่ 3 หรือรุ่นที่ 4 ที่สถานพยาบาลเลยจะดีกว่า เนื่องจากการตรวจด้วยตนเองอาจมีความผิดพลาดได้จากเทคนิคการตรวจหรือการเก็บตัวอย่างที่ไม่ถูกต้อง
“หมอพบเคสผู้ป่วยได้รับการตรวจครั้งแรกด้วยชุดตรวจรุ่นที่ 3 ผลไม่พบการติดเชื้อ แต่เนื่องจากผู้ป่วยมีความเสี่ยงชัดเจนในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงแนะนำให้ตรวจด้วยชุดตรวจรุ่นที่ 4 ซ้ำอีกครั้งในวันเดียวกัน ผลพบการติดเชื้อ ทำให้ผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษาได้รวดเร็วขึ้น และไม่พบผลข้างเคียงจากเชื้อเอชไอวี “
– แพทย์หญิงณัฐวดี ศรีบริสุทธิ์ แพทย์ประจำอินทัชเมดิแคร์คลินิก –
กลุ่มเสี่ยงที่ควรตรวจเลือด HIV
- มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน (ไม่สวมถุงยางอนามัย) หรือ ถุงยางอนามัยแตก ถุงยางอนามัยฉีกขาด
- มีประวัติเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือมีคู่นอนหลายคน
- ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
- ชายหรือหญิงที่ทำงานบริการทางเพศ
- ผู้ใช้สารเสพติดด้วยวิธีฉีด ที่กำลังฉีดอยู่หรือฉีดครั้งสุดท้ายภายใน 3 เดือน หรือมีประวัติใช้เข็มฉีดยาหรืออุปกรณ์ฉีดอื่นๆ ร่วมกับผู้อื่น
- มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ HIV
- ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือมีเพศสัมพันธ์โดยขาดสติ หรือจำเหตุการณ์ไม่ได้
- กลุ่มที่ทำงานทางด้านการแพทย์หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งหรือเลือดของผู้อื่น
- ทารกจากครรภ์มารดาที่มีเชื้อ HIV
หากไม่มั่นใจว่าตนเองมีพฤติกรรมเสี่ยงหรือไม่แนะนำปรึกษาแพทย์
ตรวจเลือด HIV ที่อินทัชเมดิแคร์ รู้ผลเร็ว ข้อมูลทุกอย่างเป็นความลับ มั่นใจได้
การเตรียมตัวก่อนตรวจ HIV
- เตรียมข้อมูลเพื่อตอบคำถามประเมินความเสี่ยง เช่น ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดโดยควรเข้าตรวจหลังจากได้รับความเสี่ยงมาแล้วอย่างน้อย 14-30 วัน การป้องกัน ประวัติการใช้ยาและโรคประจำตัว เพื่อแพทย์จะได้ให้คำแนะนำก่อนตรวจและวิธีการตรวจอย่างถูกต้องและเหมาะสม
- ก่อนเข้ารับการตรวจเลือดกับทางโรงพยาบาล คลินิกตรวจเลือด HIV เจ้าหน้าที่หรือแพทย์จะทำการซักประวัติเพื่อประเมินหาความเสี่ยงพร้อมให้คำแนะนำเบื้องต้น จากนั้นผู้เข้ารับบริการจะต้องลงชื่อยินยอมในเอกสารเพื่อเริ่มขั้นตอนการตรวจหาเชื้อ HIV โดยใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที จากนั้นให้คำแนะนำหลังผลตรวจออกอีกครั้ง
- สามารถตรวจได้โดยไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร

หลังจากมีความเสี่ยงกี่วันถึงจะตรวจ HIV ได้
จะสามารถตรวจ hiv หลังเสี่ยงกี่วัน? มักเป็นคำถามที่สงสัยกันบ่อยๆ สามารถตรวจได้ดังนี้
- วิธีตรวจแบบชุดตรวจรุ่นที่ 1 และ รุ่นที่ 2 และชุดตรวจแบบตรวจด้วยตนเอง (Self test) ขึ้นอยู่กับยี่ห้อมักตรวจพบเชื้อหลังรับเชื้อ ได้ตั้งแต่ 28 วัน หรือ 4 สัปดาห์ขึ้นไป
- วิธีตรวจแบบชุดตรวจรุ่นที่ 3 (3rd Generation serology assays) สามารถตรวจพบเชื้อหลังรับเชื้อ ได้ตั้งแต่ 21 วัน หรือ 3 สัปดาห์
- วิธีตรวจแบบชุดตรวจรุ่นที่ 4 (4th Generation serology assays) สามารถตรวจพบเชื้อหลังรับเชื้อ ได้ตั้งแต่ 14 วัน หรือ 2 สัปดาห์
- วิธีตรวจแบบ HIV Nucleic acid testing assay หรือ NAT สามารถตรวจพบเชื้อหลังรับเชื้อ ได้ตั้งแต่ 10 วัน
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายอาจมีช่วงเวลาตรวจไม่พบเชื้อ (window period) นานกว่าปกติ ดังนั้น ในผู้ป่วยทุกราย แพทย์จะแนะนำให้รับการตรวจซ้ำอีกครั้ง หลังมีความเสี่ยง 1-2 เดือนขึ้นไป เพื่อความแน่นอนของการวินิจฉัย แม้ว่าผลตรวจครั้งแรกผลจะเป็นลบ

ตรวจเลือด HIV ตรวจได้ที่ไหน
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงได้รับเชื้อ HIV สามารถตรวจเลือด HIV ได้ที่โรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกนิรนามที่ได้มาตรฐาน
ทั้งนี้จะต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าคลินิกเหล่านั้นมีคุณภาพ มีขั้นตอนการตรวจ HIV ที่รัดกุม แม่นยำ และให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาประวัติ ข้อมูลของผู้เข้ารับบริการเป็นอย่างดี
ตรวจเลือด HIV รอผลนานไหม
การตรวจเลือด HIV ในปัจจุบันใช้เวลาในการตรวจและรอผลไม่นาน สามารถรู้ผลได้ภายใน 1 วัน ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้เพื่อการตรวจหาเชื้อ
โดยการตรวจเลือด HIV ด้วยชุดตรวจรุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4 สามารถรู้ผลภายใน 30 นาที และการตรวจแบบ NAT ใช้เวลาในการทราบผลประมาณ 1 วัน ทั้งนี้ระยะเวลารอผลอาจแตกต่างกันไปตามขั้นตอนการปฏิบัติงานของโรงพยาบาลหรือคลินิกแต่ละแห่ง
“ถ้าผู้ป่วยกังวลถึงช่วงเวลาตรวจไม่พบเชื้อ (window period) แนะนำให้รับการตรวจเลือด HIV ทุก 3 – 6 เดือน แม้ว่าจะไม่มีอาการ เนื่องจากการตรวจ HIV ปัจจุบันเข้าถึงง่ายและหาตรวจได้ง่ายมากแล้ว”
– แพทย์หญิงณัฐวดี ศรีบริสุทธิ์ แพทย์ประจำอินทัชเมดิแคร์คลินิก –
ที่อินทัชเมดิแคร์ คลินิกตรวจ hiv ใกล้ฉัน เราพร้อมให้บริการตรวจเอชไอวี ตรวจเลือด HIV รวมถึงตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
โดยเจ้าหน้าที่และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทุกขั้นตอนการรักษาได้มาตรฐาน แม่นยำและรวดเร็ว หากสนใจสามารถค้นหา อินทัชเมดิแคร์ ตรวจเลือด hiv ใกล้ฉัน ใน google ได้เลย
เอกสารอ้างอิง
- แนวทางการตรวจรักษาและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ประเทศไทย ปี 2564/2565
- CONSOLIDATED GUIDELINES ON HIV TESTING SERVICES 2019 , World Health Organization
- Mandell, Douglas, and Bennett’s principles and practice of infectious disease. 9th Edition; 2019
บทความที่น่าสนใจ
- ยาเพร็พ PrEP ป้องกันเอชไอวี HIV
- ยาเป๊ป pep ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน ป้องกัน HIV
- เรโทรสกรีนเอชไอวี 3.0 (Retroscreen HIV 3.0) ชุดตรวจ HIV
- ชุดตรวจ HIV อเลีย เอซไอวี คอมโบ (Alere HIV Combo)

พญ.ณัฐวดี ศรีบริสุทธิ์
แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป
แก้ไขล่าสุด : 11/10/2024
อนุญาตให้ใช้งานภาพโดยไม่ต้องขออนุญาต เฉพาะในเชิงให้ความรู้ หรือเพื่อการศึกษาเท่านั้น โดยต้องให้เครดิตหรือแสดงแหล่งที่มาของ intouchmedicare.com