Last updated: 23 เม.ย 2567 | 20870 จำนวนผู้เข้าชม |
การมี ‘ตกขาว’ เป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนต้องเจอ โดยเฉพาะในสตรีวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งหากเป็นแล้วไม่ได้มีอาการผิดปกติก็ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด แต่หากใครที่มีอาการที่แปลกไปอาจหมายถึงอาการป่วย ซึ่งอาจต้องทำการตรวจภายใน หรือพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกวิธี
ในบทความนี้เราจะพาคุณ มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับตกขาวกันให้มากขึ้น ทั้งอาการที่ปกติ และผิดปกติ เพราะอาจหมายถึงปัญหาสุขภาพได้นะคะ
เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับตกขาว
ตกขาว คือ ของเหลวชนิดหนึ่งที่ไหลออกมาจากบริเวณช่องคลอดของผู้หญิง มีลักษณะเป็นของเหลวใสๆ แต่ไม่ใช่เลือด หรือหนอง ส่วนใหญ่มักจะเป็นมูกสีขาว หรือขาวขุ่นคล้ายกับแป้งเปียก มีจำนวนไม่มาก และหน้าที่ช่วยในการหล่อลื่น ทำให้ผิวในส่วนนั้นเกิดความชุ่มชื้น ไม่แห้งจนทำให้เกิดการระคายเคือง มักไหลออกมาช่วงเดือนของรอบประจำเดือน เราสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ตกขาวปกติ และตกขาวผิดปกติ
"หน้าที่สำคัญของตกขาวคือการช่วยรักษาสมดุล ปรับสภาพความเป็นกรดด่างในช่องคลอด และยังช่วยฆ่าเชื้อโรคที่เข้าไปในช่องคลอดอีกด้วย"
ซึ่งอาการมักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ (อายุตั้งแต่ 15 ถึง 49 ปี) ได้มากกว่าช่วงวัยอื่น เพราะเป็นวัยที่มีการผลิตฮอร์โมนเพศหญิงมากกว่าทุกช่วงวัย
ตกขาว เกิดจากการรวมตัวกันของสารคัดหลั่งที่มาจากบริเวณช่องคลอด ปากมดลูก รวมไปถึงอวัยวะข้างเคียงบริเวณปากช่องคลอด ซึ่งปกติจะมีความแตกต่างกันออกไปตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ซึ่งสามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ได้ถึงความผิดปกติของร่างกายได้ด้วย
ตกขาวปกติ จะมีลักษณะเป็นมูกใส ไม่มีสี ในช่วงก่อนหรือหลังมีประจำเดือนอาจจะมีสีขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในแต่ละรอบเดือน อาจมีกลิ่นได้เล็กน้อยตามลักษณะกลิ่นตัวของแต่ละคน โดยจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นตามสภาวะที่เปลี่ยนไป
เช่น ในช่วงกึ่งกลางระหว่างรอบเดือนที่มีการตกไข่ ในขณะที่ถูกกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ หรือในขณะที่เกิดความวิตกกังวลก็จะทำให้มีมากขึ้นได้เช่นกัน และยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่นอีก เช่น ความอับชื้น ความร้อน เป็นต้น
" ถ้าหากตกขาวมีลักษณะผิดแปลกไปจากนี้และมีอาการคันหรืออาการแสบร่วมด้วย ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจมีอาการผิดปกติภายในเกิดขึ้นได้ "
หากพบว่ามีลักษณะอาการที่เปลี่ยนไปจากเดิม อาจหมายความว่าคุณมีอาการของตกขาวผิดปกติ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากความเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้
ถ้าหากมีอาการที่มากกว่าปกติที่เคยเป็น ก็ให้สงสัยเอาไว้ก่อนเลยว่าเป็นอาการของตกขาวผิดปกติ
ถ้าหากลักษณะของตกขาวเปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่น มีลักษณะขุ่นมากขึ้น หรืออาจข้นเหมือนแป้งเปียกหรือคราบนม มีฟอง รวมไปถึงมีลักษณะเป็นตะกอนขาวคล้ายก้อนแป้ง ก็ถือว่าเป็นอาการตกขาวผิดปกติ
ถ้าหากมีสีที่ผิดปกติไปจากเดิม อย่างเช่น มีสีเหลือง สีเขียว สีขาวข้น ส่วนใหญ่ก็จะเกิดการติดเชื้อภายใน ซึ่งสาเหตุอาจเกิดมาได้จากทั้งคู่นอนที่มีเพศสัมพันธ์ด้วย การใช้สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในช่องคลอด เป็นต้น ในขณะที่สีน้ำตาลก็จะเกิดจากการที่ผนังมดลูกลอกตัวช้าหลังมีประจำเดือน จึงทำให้กลายเป็นสีน้ำตาลนั่นเอง
ความผิดปกติสามารถบ่งชี้ได้จากกลิ่น ซึ่งเป็นได้ทั้งตกขาวมีกลิ่นเหม็นซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ และไม่มีกลิ่นที่เกิดจากเชื้อราในช่องคลอด
ถ้าหากมีพร้อมอาการอื่นๆ ร่วมด้วยอย่างเช่น อาการคัน ปวดแสบในขณะปัสสาวะ มีอาการแสบแดงบริเวณขาหนีบ ถ้าหากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วยควรพบแพทย์โดยเร็ว
หลายคนของอาจยังไม่รู้ แต่สีสามารถบอกอาการป่วยได้ด้วยนะ ซึ่งค่อนข้างมีประโยชน์เพื่อประกอบการวินิจฉัยของแพทย์ ในการหาสาเหตุของอาการป่วย หรือโรค โดยแต่ละสีสามารถหมายถึงอาการดังนี้
สีเทา มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หากพบว่ามีสีของตกขาวสีนี้ ต้องได้รับการตรวจว่าเป็นแบคทีเรียชนิดใด หากเป็นแบคทีเรียจากการติดต่อด้วยการมีเพศสัมพันธ์ แพทย์จะทำการรักษา โดยต้องให้ยาคู่นอนด้วย
มีเลือดปน และมีกลิ่น มักเกิดหลังการมีประจำเดือน หรือมีการติดเชื้อที่บริเวณปากมดลูก
สีเขียว พร้อมกับมีอาการเจ็บ ปวด คัน เจ็บขณะปัสสาวะ หรือขณะมีเพศสัมพันธ์ มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อที่ติดต่อผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ หรืออาจเกิดได้จากพยาธิ
สีเหลือง พร้อมมีอาการคัน สามารถเกิดได้จากติดเชื้อแบคทีเรีย จากโรคหนองใน การติดเชื้อรา รวมไปถึงเชื้อไวรัส
สีชมพู มักพบในผู้หญิงที่เพิ่งผ่านการคลอดลูก และเกิดได้จากจากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก
มีฟอง คัน และแสบขัดขณะปัสสาวะ อาจเกิดได้จากการติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์
สีเหลืองขาว มีอาการปัสสาวะขัด เกิดได้จากการติดเชื้อราในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
สีน้ำตาล เลือดปน มีอาการปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน เจ็บปวดปัสสาวะ หรือขณะมีเพศสัมพันธ์ หากมีอาการเหล่านี้ จำเป็นต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียด เพราะมีโอกาสเกิดจากการเป็นมะเร็งเยื่อบุมดลูก เนื้องอกหรือมะเร็งปากมดลูกได้
สีขาวขุ่น เป็นแป้ง ซึ่งมักจะมีอาการคัน แสบร้อนบริเวณช่องคลอดร่วมด้วย โดยส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อรา การรักษาต้องรักษาคู่นอนด้วย
ให้สังเกตดูจากความเปลี่ยนแปลง โดยสังเกตจากตกขาวปกติ หากพบว่าอาการแตกต่างไปจากเดิม เช่น
มีอาการคัน เจ็บ แสบ มีแผลหรือตุ่ม
ตกขาวมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
มีเยอะกว่าปกติ หรือมีลักษณะจับตัวกันเป็นก้อน
มีสีที่แปลกไปจากเดิม
มีเลือดปน ซึ่งไม่ใช่เลือดจากประจำเดือน
มีอาการปวดท้องน้อย หรือมีไข้ร่วมด้วย
หากมีอาการเหล่านี้ไม่ควรซื้อยามาทานเอง ควรมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย และรักษาตกขาวให้ตรงตามอาการของโรค ซึ่งอาการผิดปกติอาจเป็นได้หลายสาเหตุ เช่น เชื้อราในช่องคลอด มะเร็งปกมดลูก การติดเชื้อแบคทีเรีย รวมไปถึงอาการที่เกิดจากกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
ตกขาวนั้นไม่ใช่เรื่องน่าอายเพราะผู้หญิงทุกคนต่างก็เป็นกัน ดังนั้นการทำความสะอาดในจุดซ่อนเร้นจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ และทำให้ตกขาวผิดปกติได้ ซึ่งวิธีการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่ดีที่สุดก็คือการใช้น้ำเปล่าแล้วซับให้แห้ง เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ดูแลชุดชั้นในให้สะอาด
และที่สำคัญคือถ้าหากมีอาการตกขาวผิดปกติ อย่าเก็บไว้ในใจคนเดียวเพราะอาจเป็นสัญญาณบอกถึงโรคภายในได้ ควรที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาตกขาวที่ผิดปกติได้อย่างถูกวิธีค่ะ
บทความที่น่าสนใจ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
Hot Line 081-562-7722 กดโทรออก
14 มี.ค. 2565
3 พ.ค. 2565
22 มี.ค. 2565