Last updated: 23 เม.ย 2567 | 29349 จำนวนผู้เข้าชม |
หลายคนมักเข้าใจผิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณได้รับเชื้อ HIV คือคนที่เป็นโรคเอดส์ จริงๆ แล้วผู้ที่ได้รับเชื้อเชื้อ HIV ไม่ว่าจะได้รับเชื้อจากแม่สู่ลูก การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน การสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้มีเชื้อ ระยะแรกจะยังไม่เป็นโรคเอดส์จนโรคดำเนินไปถึงระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ จึงจะเรียกว่าผู้ป่วยโรคเอดส์ ในปัจจุบันเป็นมียาป้องกันเชื้อเอซไอวี HIV ก่อนการสัมผัสเชื้อ นั้นก็คือ ยาเพร็พ prep (Pre-Exposure Prophylaxis) ที่สำคัญที่สุดการทานยาเพร็พต้องมีวินัย กินยาให้ตรงเวลาและไม่ควรลืมเด็ดขาด
โรคติดเชื้อไวรัส HIV เป็นโรคติดต่อที่สำคัญและอันตรายมาก โดยที่ตัวไวรัสจะไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อฉวยโอกาสที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษา
ความสำคัญของโรคนี้คือในผู้ติดเชื้อช่วงแรกจะยังไม่มีอาการชัดเจน จึงทำให้ผู้ป่วยจะยังไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ แต่สามารถแพร่เชื้อไปยังคนอื่นๆได้ ผ่านทางเพศสัมพันธ์และเลือดเป็นหลัก และส่งผลทำให้ได้รับการรักษาล่าช้าด้วย
1. การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
2. ใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV
3. การสัมผัสเลือดหรือน้ำเหลืองของผู้ติดเชื้อ HIV
4. การติดต่อจากแม่สู่ลูก
5. การรับโลหิตบริจาคที่มีเชื้อ HIV ปนเปื้อน
1. ระยะติดเชื้อเฉียบพลัน ในช่วงแรกที่ติดเชื้อปริมาณไม่มาก ซึ่งอาจเป็นช่วงตั้งแต่ 2-12 สัปดาห์ ในระยะนี้ผู้ติดเชื้อจะมีอาการไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
2. ระยะไม่ปรากฏอาการ แต่เมื่อตรวจเลือดจะพบเชื้อ HIV สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ เรียกว่าเป็นพาหะจะแบ่งตัวเจริญเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ และทำลายระบบภูมิคุ้มกัน
3. ระยะมีอาการ ระยะแรกจะแสดงอาการเล็กน้อย และระยะที่สองจะแสดงอาการปานกลาง
4. ระยะเอดส์ ระยะนี้ระบบภูมิคุ้มกันโรคของผู้ป่วยเสื่อมเต็มที่ ถ้าตรวจระดับ CD4 จะพบว่ามักมีจำนวนต่ำกว่า 200 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร เป็นผลทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา โปรโตซัว วัณโรค ฉวยโอกาสเข้ารุมเร้าเรียกว่า โรคติดเชื้อฉวยโอกาส
1. ใช้ของร่วมกัน เช่น มีดโกน กรรไกลตัดเล็บ แปรงสีฟัน
2. ควรล้างมือบ่อยๆ เช่น ก่อนและหลังรับประทานอาหาร การเข้าห้องน้ำ
3. บุคคลในบ้านป่วย เช่น เป็นไข้หวัด หัด หัดเยอรมัน สุกใส แล้วไม่แยกจากผู้ติดเชื้อ
4. การมีเพศสัมพันธ์ เช่น ต้องใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งระมัดระวังในการแพร่เชื้อ
5. บุคคลในบ้านควรฉีดวัคซีน เช่น ไข้หวัดใหญ่ หัด คอตีบ ไอกรน
1. ยาต้านไวรัส (ARV; antiretroviral therapy) ซึ่งมีฤิทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวและลดจำนวนของเชื้อเอชไอวี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น
2. การรักษาโรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น เช่น ให้ยารักษาวัณโรค ยาปฏิชีวนะรักษาปอดอักเสบ ยารักษาเชื้อราต้านไวรัส ยารักษาโรคเริม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
Hot Line 081-562-7722 กดโทรออก
@qns9056c
อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม
3 พ.ค. 2565
6 พ.ค. 2565
14 มี.ค. 2565
22 มี.ค. 2565