อาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เป็นอาการปกติเกิดขึ้นได้ในคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน อาจมีอาการมากหรือน้อย แตกต่างกันไป แต่อาการแพ้ท้องไม่ได้น่ากลัวคุณแม่สามารถรับมือได้ แต่หากคุณแม่ท่านใดที่มีอาการแพ้ท้องรุนแรงก็จำเป็นที่ต้องไปพบแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และทารกในครรภ์
หากมีอาการแพ้ท้องมากสามารถไปพบแพทย์ที่คลินิกสูตินรีเวชที่ไปฝากครรภ์ได้ เพื่อจะได้รับคำแนะนำและการรักษาที่ถูกวิธีค่ะ
หัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาการแพ้ท้อง
อาการแพ้ท้อง (Morning sickness) เป็นอาการที่เกิดในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ (ช่วงอายุครรภ์ 1-3 เดือน) รกจะสร้างฮอร์โมน hCG
|
อ่านบทความ : คลินิกสูตินรีเวช คลินิกฝากครรภ์โดยแพทย์เฉพาะทางสูติ
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่สามารถสังเกตอาการแพ้ท้องได้ดังนี้
คลื่นไส้
อาเจียน
วิงเวียนศรีษะ
บางคนอาจมีความอยากในการรับประทานอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป
อาจรู้สึกเหม็น หรือมีความรู้สึกไวต่อกลิ่นบางกลิ่น
คุณแม่ทั้งหลายมักจะมีอาการแพ้ท้องในช่วงเวลาเช้า เพราะตามที่กล่าวในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่าอาการแพ้ท้องนั้นสัมพันธ์กับฮอร์โมน hCG ซึ่งช่วงเช้าเป็นช่วงที่ฮอร์โมนตัวนี้มีความเข้มข้นที่สุดนั่นเอง
อาการแพ้ท้องสัปดาห์แรกสามารถสังเกตได้จากขาดประจำเดือน ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายจะเริ่มสร้างฮอร์โมน hCG และเริ่มสร้างรก
|
อ่านเพิ่มเติม : ตรวจการตั้งครรภ์หรือตรวจท้อง มีกี่แบบ รู้ผลเร็วสุดกี่วัน?
รับประทานอาหารแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้แน่นท้องมากเกินไป
ไม่ควรปล่อยให้ท้องว่าง เพราะการปล่อยให้ท้องว่างอาจกระตุ้นให้มีอาการคลื่นไส้ได้
ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ อาหารแห้ง ขนมปังกรอบ
หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด อาหารมัน อาหารที่มีกลิ่นฉุน อาหารที่มีความเป็นกรดสูง และ อาหารที่มีรสหวานมากๆ
หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้คลื่นไส้อาเจียน เช่น กลิ่น, ความร้อน, ความชื้น, เสียงดัง และแสงไฟกะพริบ เป็นต้น
รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของขิง เพราะขิงสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้ เช่น น้ำขิง ลูกอม-รสขิง
พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมาก ๆ
หากมีอาการรู้สึกพะอืดพะอมให้คุณแม่หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น ไม่ว่าจะกลิ่น เสียง ความร้อน อาหารบางชนิดแต่หากลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นอาการแล้ว แต่พบว่าอาการยังไม่ทุเลาลง
คุณแม่สามารถมาพบแพทย์และปรึกษาเพื่อรับยาที่ช่วยลดอาการได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวิตามินบี 6 และยาตามอาการอื่น ๆ
หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนรุนแรงตลอดเวลา จนกินอะไรไม่ได้ มีภาวะขาดน้ำและอาหาร น้ำหนักลดลงมากกว่าร้อยละ 5 ของน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ อาจพบความผิดปกติของเกลือแร่, ไทรอยด์ฮอร์โมน และการทำงานของตับร่วมด้วย จนเกิดภาวะแพ้ท้องรุนแรง (Hyperemesis gravidarum) ควรไปพบแพย์เพื่อโดยด่วน เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
แนะนำควรฝากครรภ์ครั้งแรกก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์หรือทันทีเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ เพื่อประเมินความเสี่ยงของหญิงตั้งครรภ์ให้คำแนะนำ และวางแผนการฝากครรภ์ได้อย่างเหมาะสม “อาการแพ้ท้อง…รับมือได้ หากเข้าใจ
- แพทย์หญิง สุพรรษา เหนียวบุปผา (แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปประจำคลินิก) -
บทความที่น่าสนใจ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
Hot Line 081-562-7722 กดโทรออก
เรียบเรียงโดย แพทย์หญิงสุพรรษา เหนียวบุบผา
แก้ไขล่าสุด : 24/05/2024