ตรวจไวรัสตับอักเสบ เป็นการตรวจสุขภาพที่ทุกคนควรตรวจ เพราะโรคไวรัสตับอักเสบสามารถทำให้เกิดตับอักเสบเรื้อรัง และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ตับแข็งหรือมะเร็งตับ
การตรวจหาเชื้อเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรู้สถานะสุขภาพของตับ หากพบเชื้อเร็ว ก็สามารถรักษาได้เร็ว
ข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับการตรวจไวรัสตับอักเสบ
- ทำไมต้องตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบ
- ความแตกต่างระหว่างไวรัสตับอักเสบ เอ, บี และ ซี
- ใครบ้างที่ควรตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบ
- ตรวจไวรัสตับอักเสบ ราคาเท่าไร
- รายการตรวจคัดกรองมีอะไรบ้าง
- ตรวจไวรัสตับอักเสบ กี่วันรู้ผล
- ตรวจไวรัสตับอักเสบ ตรวจยังไง
- เตรียมตัวก่อนตรวจไวรัสตับอักเสบ
- ถ้าพบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ควรทำอย่างไร
- ถ้าผลตรวจไม่ติดเชื้อและไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรทำอย่างไร
- ตรวจไวรัสตับอักเสบ ที่ไหนได้บ้าง

ทำไมต้องตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบ เอ, บี และ ซี
โรคไวรัสตับอักเสบเป็นโรคที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตับ และอาจนำไปสู่ภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง หรือมะเร็งตับได้ สิ่งที่น่ากลัวคือไวรัสตับอักเสบ A, B และ C บางครั้งไม่แสดงอาการ ทำให้ผู้ติดเชื้อไม่รู้ตัวและมีโอกาสแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
การตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการ รู้สถานะสุขภาพตับของตนเอง และช่วยให้สามารถป้องกันการแพร่เชื้อหรือเริ่มรักษาได้ทันเวลา
ความแตกต่างระหว่างไวรัสตับอักเสบ เอ, บี และ ซี

ใครบ้างที่ควรตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบ
- ผู้ที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 (ก่อนที่ประเทศไทยจะเริ่มให้วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีแก่เด็กแรกเกิด)
- คนที่มีประวัติได้รับเลือด เกร็ดเลือดหรือส่วนประกอบของเลือดก่อนปีพ.ศ. 2533 (ยังไม่มีการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในส่วนประกอบของเลือด) ควรตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคตับ หรือมีญาติใกล้ชิดติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- ผู้ที่มีคู่นอนหรือสมาชิกในครอบครัวติดเชื้อ
- คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งตับ
- หญิงตั้งครรภ์ เพราะสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกได้
- บุคลากรทางการแพทย์ หรือผู้ที่ต้องสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งของผู้อื่น
- ผู้ที่มีโรคตับหรือคนในครอบครัวมีประวัติ,ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
- ผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกัน
- ผู้ที่มีความเสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์ จากเลือด จากน้ำลาย
- ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
ตรวจไวรัสตับอักเสบ ราคาเท่าไร
- โปรแกรมตรวจสุขภาพชุดห่างไกลไวรัสตับ ราคา 2,990 บาท

รายการตรวจคัดกรองมีอะไรบ้าง
- ตรวจหาไวรัสตับอักเสบบี / HBsAg
- ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด / CBC
- ตรวจค่าความเสี่ยงมะเร็งตับ / AFP
- ตรวจไวรัสตับอักเสบซี / HCV (Total)
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ / HAV (Total)
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี / Anti-HBs*
- ตรวจไวรัสตับอักเสบบี / Anti-HBc (Total)**
- ตรวจการทำงานของตับ / Liver Function Test

ตรวจไวรัสตับอักเสบ กี่วันรู้ผล
ผลตรวจจะออกภายใน 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับสถานที่ตรวจ บางโรงพยาบาลหรือคลินิกอาจมีบริการตรวจด่วนที่สามารถทราบผลในวันเดียวกันได้
ตรวจไวรัสตับอักเสบ ตรวจยังไง
การตรวจไวรัสตับอักเสบทำโดย การเจาะเลือด เพื่อตรวจหาสารที่เกี่ยวข้อง
เตรียมตัวก่อนตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบ
- ไม่จำเป็นต้องงดอาหารหรือน้ำก่อนตรวจ
- แจ้งแพทย์หากเคยฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบหรือเคยมีประวัติติดเชื้อมาก่อน
- หากกำลังตั้งครรภ์หรือมีโรคประจำตัว ควรแจ้งแพทย์ก่อนตรวจ
ถ้าพบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ควรทำอย่างไร
- พบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจการทำงานของตับ และวัดปริมาณไวรัสในร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และพฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคตับ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัสในกรณีที่มีภาวะตับอักเสบรุนแรง
ถ้าผลตรวจไม่ติดเชื้อและไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรทำอย่างไร
- ควรรับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ เอ, วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและป้องกันได้ตลอดชีวิต
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน

ตรวจไวรัสตับอักเสบ ที่ไหนได้บ้าง
- คลินิกตรวจสุขภาพที่มีบริการตรวจเลือด (อินทัชเมดิแคร์มีให้บริการ สะดวกและรวดเร็ว)
- โรงพยาบาลรัฐและเอกชน ทั่วประเทศ
- ศูนย์ตรวจสุขภาพประจำปี
- คลินิกเฉพาะทางด้านโรคตับ
- หน่วยงานของรัฐที่มีบริการตรวจสุขภาพ
ทำไมต้องตรวจที่อินทัชเมดิแคร์คลินิก
- ตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษาก่อนและหลังตรวจ
- บริการรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน
- ราคาไม่แพง ข้อมูลเป็นความลับตรวจได้อย่างสบายใจ
- มีแพ็กเกจตรวจคัดกรองสุขภาพตับแบบครบวงจร
- หากพบเชื้อมีแนวทางรักษาและแนะนำการป้องกันอย่างครบถ้วน
บทความที่น่าสนใจ

แพทย์หญิงวรางคณา วิวัลย์ศิริกุล , แพทย์หญิงสุพิชชา บึงจันทร์
แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป
แก้ไขล่าสุด : 27/02/2025
อนุญาตให้ใช้งานภาพโดยไม่ต้องขออนุญาต เฉพาะในเชิงให้ความรู้ หรือเพื่อการศึกษาเท่านั้น โดยต้องให้เครดิตหรือแสดงแหล่งที่มาของ intouchmedicare.com