12 ข้อดีของยาฝังคุมกำเนิด มีอะไรบ้าง

 

ฝังยาคุมกำเนิด


การคุมกำเนิดนั้นมีหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการสวมถุงยางอนามัย, การใส่ห่วงอนามัย, การกินยาคุม, การฉีดยาคุม และฝังเข็มยาคุม เป็นต้น โดยวิธีที่ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงและครอบคลุมได้ยาวนานที่สุดก็คือการใช้ยาฝังคุมกำเนิด ที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 3 ปี และ 5 ปี ตามชนิดของฮอร์โมนที่ใช้ ซึ่งข้อดีของยาฝังคุมกำเนิด มีหลายประการด้วยกัน มาดูว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้คุณใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจ

แท่งยาคุมกำเนิด

สรุป 12 ข้อดีของยาฝังคุมกำเนิดมีดังนี้

  1. มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์

  2. ผลข้างเคียงน้อยเมื่อเทียบกับการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นๆ

  3. สามารถป้องกันได้ในระยะยาว 3-5 ปี แล้วแต่ชนิดของตัวยา จึงทำให้ไม่ต้องเสียเวลาบ่อยๆ

  4. สะดวก เมื่อใช้ยาฝังคุมกำเนิดแล้วไม่ต้องกังวลในเรื่องหลงลืม เหมือนวิธีการรับประทานยาคุมกำเนิด หรือยาฉีด

  5. หากต้องการถอดยาคุมก็สามารถทำได้ง่ายโดยวิธีการฉีดยาชาเฉพาะที่เท่านั้น

  6. หลังจากถอดยาออกแล้วสามารถเข้าสู่ภาวะเจริญพันธ์ได้ในเวลาไม่นาน

  7. สามารถมีบุตรได้เร็วกว่าการป้องกันด้วยการฉีดยาคุมถึง 90 %

  8. ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนและช่วยให้คนที่ประจำเดือนมามากมีประจำเดือนน้อยลง

  9. สตรีที่ให้นมบุตร สามารถฝังเข็มยาคุมได้ โดยไม่มีผลต่อคุณภาพและปริมาณน้ำนม

  10. เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาคุมแบบเม็ดซึ่งมีเอสโทรเจนเป็นส่วนประกอบได้

  11. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่

  12. ไม่ทำให้การทำงานของตับเปลี่ยนแปลง

1. มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์

ในบรรดาวิธีการคุมกำเนิดทั้งหมดนั้นยาฝังคุมกำเนิดถือว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุดก็ว่าได้ ทั้งแบบที่เป็นฮอร์โมนเดี่ยวและฮอร์โมนรวม โดยประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งท้องสูงถึง 99% ตรงกันข้ามกับการกินยาคุม ที่หากลืมกินหรือกินผิดโอกาสพลาดนั้นมีถึง 9% เรียกว่าแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจนเลยล่ะ

2. ผลข้างเคียงน้อยเมื่อเทียบกับการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นๆ

ข้อดีของยาฝังคุมกำเนิดประการต่อมาของยาคุมแบบฝัง ก็คือเรื่องของผลข้างเคียง โดยหากเทียบกับการฉีดยาคุมหรือกินยาคุมแล้ว วิธีนี้จะมีผลข้างเคียงน้อยกว่า โดยผู้ที่ได้รับการฝังเข็มยาคุม ส่วนใหญ่มักไม่พบอาการเวียนศีรษะ, อาเจียน, คลื่นไส้ หรือเกิดฝ้า ซึ่งอาการข้างเคียงเหล่านี้พบได้บ่อยหากคุมกำเนิดด้วยการกินยาคุมและฉีดยาคุมแล้วเกิดอาการแพ้

3. ป้องกันการตั้งครรภ์ได้นาน 3-5 ปี

ยาฝังคุมกำเนิด นั้นสามารถป้องกันได้ในระยะยาว 3-5 ปี แล้วแต่ชนิดของตัวยา ซึ่งการฝังเข็มยาคุมนั้นจะใช้ฮอร์โมนชนิดเดี่ยวคือ ฮอร์โมนโพรเจสติน (Progestin) โดยหากเป็นตัวยาฝังคุมกำเนิดเอโทโนเจสเตรล (Etonogestrel) สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 3 ปี ส่วนตัวยาเลโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) สามารถช่วยคุมกำเนิดได้นานถึง 5 ปี การจะเลือกแบบไหนก็ขึ้นกับความต้องการและคำแนะนำจากแพทย์เป็นหลัก


สนใจฝังยาคุมกับอินทัชเมดิแคร์

  คลิกที่นี่เพื่อดูค่าบริการ
 

 4. สะดวกสบาย คลายกังวล

อย่างที่บอกเอาไว้ว่ายาคุมแบบฝังนั้นสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 3-5 ปี แล้วแต่ว่าเลือกใช้ยาตัวใด ซึ่งวิธีนี้ถือว่ามีความสะดวกสบาย ปลอดภัย และใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องมีการพักฟื้น เมื่อใช้ยาฝังคุมกำเนิดแล้วไม่ต้องกังวลในเรื่องหลงลืม เหมือนวิธีการรับประทานยาคุมกำเนิด หรือฉีดยาคุมที่ต้องทานเป็นประจำหรือไปฉีดยาตามกำหนด

5. สามารถถอดเข็มยาคุมได้ง่าย

ยาฝังคุมกำเนิดนั้นนอกจากจะฝังได้ง่ายแล้วยังสามารถถอดยาคุมได้สะดวกอีกด้วย โดยหากต้องการถอดเข็มยาคุมเพื่อยุติการคุมกำเนิดและเข้าสู่ภาวะตั้งครรภ์หรือต้องการเปลี่ยนยาคุมแบบฝังครั้งต่อไป ก็สามารถทำได้เพียงแค่ฉีดยาชาเฉพาะที่เท่านั้น

6. สามารถเข้าสู่ภาวะเจริญพันธุ์ได้ในเวลาไม่นาน

หลังจากถอดยาออกแล้วสามารถเข้าสู่ภาวะเจริญพันธุ์ได้ในเวลาไม่นาน ต่างจากวิธีคุมกำเนิดแบบอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการมีบุตรหลังใช้ยา นอกจากนี้ยาฝังคุมกำเนิดยังมีข้อกำหนดในการใช้งานน้อย หากต้องการฝังหรือถอดยาคุมก็สามารถปรึกษาแพทย์และรับการบริการได้ตลอดเวลาที่ต้องการ

ตั้งครรภ์

7. สามารถมีบุตรได้เร็วกว่าการป้องกันด้วยการฉีดยาคุมถึง 90 %

ทราบหรือไม่ว่ายาคุมแบบฝังนั้นหลังจากถอดเข็มยาคุมแล้วสามารถมีบุตรได้เร็วกว่าการป้องกันด้วยการฉีดยาคุมถึง 90 % ทั้งนี้เนื่องจากฮอร์โมนที่ใช้ไม่มีการสะสมในร่างกายของเราและยังกระจายตัวออกไปในสัดส่วนที่น้อยมาก


8. ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน และทำให้ประจำเดือนมาน้อยลง

ยาฝังคุมกำเนิด มีส่วนช่วยลดอาการปวดประจำเดือนและช่วยให้คนที่ประจำเดือนมามากมีประจำเดือนน้อยลง ทำให้ไม่ต้องทรมานกับอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงของการมีประจำเดือนและช่วยปรับสมดุลของร่างกายไปในตัว (ทั้งนี้ขึ้นกับแต่บุคคล)

9. ไม่มีผลต่อคุณภาพและปริมาณน้ำนม

ข้อดีข้อต่อมาของยาฝังคุมกำเนิด ก็คือสตรีที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตรก็สามารถเลือกวิธีคุมกำเนิดด้วยการฝังเข็มยาคุมได้ เนื่องจากตัวยาที่ใช้ไม่มีผลต่อปริมาณการหลั่งน้ำนมรวมถึงไม่ส่งผลต่อสารอาหารในน้ำนมแม่ด้วย

10. เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาคุมแบบเม็ดซึ่งมีเอสโทรเจนเป็นส่วนประกอบ

บางคนไม่สามารถใช้การกินยาคุมได้ เนื่องจากมีฮอร์โมนเอสโทรเจนเป็นส่วนประกอบ อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายและการดำเนินชีวิตทั่วไป ยาคุมแบบฝังจึงเหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาคุมแบบเม็ดซึ่งมีฮอร์โมนเอสโทรเจนผสมอยู่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ว่าควรต้องเลือกใช้วิธีไหนในการคุมกำเนิด

11. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงในสตรี

การใช้ยาฝังคุมกำเนิด ยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงในสตรี อาทิ มะเร็งรังไข่, มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งเต้านม และภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก เป็นต้น เรียกได้ว่านอกจากประสิทธิภาพสูง สะดวกสบาย แล้วยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคในสตรีได้อีกด้วย

12.ไม่ทำให้การทำงานของตับเปลี่ยนแปลง

การฝังเข็มยาคุม ไม่ทำให้การทำงานของตับเปลี่ยนแปลง เนื่องจากไม่มีฮอร์โมนอันตราย ซึ่งนอกจากเรื่องการทำงานของตับแล้ว ยังลดโอกาสที่จะเกิดโรคหลอดเลือดดำอุดตัน หรือโรคหลอดเลือดในสมอง อันเนื่องมาจากการใช้ฮอร์โมนเอสโทรเจนได้ด้วย


สนใจฝังยาคุมกำเนิดกับอินทัชเมดิแคร์

คลิกเพิ่มเพื่อนได้เลยค่ะ

ยาฝังคุมกำเนิด มีข้อดีหลายประการตามที่เราได้กล่าวไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามควรทำการฝังเข็มยาคุมโดยแพทย์และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพราะจะช่วยให้วางใจได้มากขึ้นในเรื่องของประสิทธิภาพและความปลอดภัย ซึ่งที่อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรมเราให้บริการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ในราคาที่สบายกระเป๋า โดยสามารถเลือกใช้บริการได้จากทุกสาขาใกล้บ้านเพียงค้นหาคลินิกใกล้ฉัน ใน Google หรือสอบถามจากช่องทางการติดต่อบนหน้าเว็บไซต์ของเราได้เลยค่ะ


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

  Hot Line 081-562-7722 กดโทรออก

สนใจทักแชท

  @qns9056c

  อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้