ใครที่จำเป็นต้องตรวจวิตามิน ดี การขาดวิตามินดีอาจส่งผลต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นปัญหากระดูกพรุน ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ หรือความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังบางชนิด การตรวจระดับวิตามินดีจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบางกลุ่มคนที่อาจมีความเสี่ยงสูง มาดูกันว่ากลุ่มที่ควรตรวจดูวิตามินดีในเลือด มีกลุ่มไหนบ้าง
- ผู้ที่มีอาการสงสัยว่าขาดวิตามินดี
- ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับโรคกระดูก
- ผู้ที่รับประทานอาหารไม่หลากหลาย
- ผู้ที่ใช้ยารักษาโรคประจำตัวเป็นเวลานาน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือภาวะสุขภาพบางอย่าง
- ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงทางภูมิคุ้มกัน
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่รับประทานวิตามินดีในปริมาณมาก
กลุ่มคนที่จำเป็นต้องตรวจวิตามินดี
ผู้ที่มีอาการสงสัยว่าขาดวิตามินดี
หากคุณมีอาการอ่อนเพลีย กระดูกหรือข้อปวดหรือมีกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการขาดวิตามินดี ซึ่งจะส่งผลต่อกระดูกและระบบภูมิคุ้มกัน หากมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์และตรวจระดับวิตามินดีในเลือด
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับโรคกระดูก
ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุนหรือมีอาการกระดูกและข้อต่างๆ มีอาการผิดปกติ ควรตรวจระดับวิตามินดี เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของกระดูกและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน
ผู้ที่รับประทานอาหารไม่หลากหลาย
ผู้ที่รับประทานอาหารไม่หลากหลายหรือไม่สามารถรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีสูง เช่น ปลา, ไข่, นมหรือผลิตภัณฑ์นม อาจมีความเสี่ยงขาดวิตามินดี ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากการตรวจระดับวิตามินดีในเลือด

ผู้ที่ใช้ยารักษาโรคประจำตัวเป็นเวลานาน
ยาบางชนิดอาจส่งผลต่อการดูดซึมวิตามินดีในร่างกาย เช่น ยารักษาภาวะชักหรือยาลดกรด ซึ่งอาจทำให้ระดับวิตามินดีในเลือดลดลง ผู้ที่ใช้ยาประเภทนี้เป็นเวลานานจึงควรตรวจสอบระดับวิตามินดีในเลือด
ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือภาวะสุขภาพบางอย่าง
ผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับไตเรื้อรัง โรคพาราไทรอยด์ หรือโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคมะเร็ง ควรตรวจระดับวิตามินดีอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากสภาพสุขภาพเหล่านี้อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามินดีได้อย่างเต็มที่
ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงทางภูมิคุ้มกัน
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือผู้ที่รับยากดภูมิคุ้มกัน (เช่น ยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งหรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง) ควรตรวจระดับวิตามินดีในเลือด เนื่องจากวิตามินดีมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ผู้สูงอายุ
เมื่ออายุมากขึ้น การดูดซึมวิตามินดีจากแสงแดดจะลดลง และบางครั้งผู้สูงอายุอาจมีปัญหาในการรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีสูง ดังนั้นการตรวจวิตามินดีในผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุนและปัญหาทางสุขภาพอื่นๆ
ผู้ที่รับประทานวิตามินดีในปริมาณมาก
การรับประทานวิตามินดีในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น การสะสมแคลเซียมในเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูงได้ การตรวจระดับวิตามินดีจึงช่วยให้แน่ใจว่าไม่ได้รับวิตามินดีเกินขนาด

สงสัยว่าขาดวิตามิน ดี ต้องตรวจเมื่อไร
หากคุณมีอาการที่บ่งบอกถึงการขาดวิตามินดี เช่น
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- กระดูกหรือข้อปวด
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือมีอาการปวดกล้ามเนื้อ
- มีปัญหาในการฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
- หากมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจระดับวิตามินดีในเลือด
การตรวจวิตามินดีสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการเจาะเลือดเพื่อวัดระดับวิตามินดีในเลือด ซึ่งค่าปกติของวิตามินดีในเลือดควรอยู่ที่ประมาณ 20–50 นาโนกรัม/มิลลิลิตร หากค่าต่ำกว่า 20 นาโนกรัม/มิลลิลิตร อาจบ่งชี้ว่าคุณขาดวิตามินดี

การตรวจระดับวิตามินดีเป็นการป้องกันและรักษาสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่มีอาการสงสัยว่าขาดวิตามินดี
การตรวจวิตามินดีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสมและป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการขาดวิตามินดีในอนาคต
บทความที่น่าสนใจ

พญ.วรางคณา วิวัลย์ศิริกุล
แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป
แก้ไขล่าสุด : 31/03/2025
อนุญาตให้ใช้งานภาพโดยไม่ต้องขออนุญาต เฉพาะในเชิงให้ความรู้ หรือเพื่อการศึกษาเท่านั้น โดยต้องให้เครดิตหรือแสดงแหล่งที่มาของ intouchmedicare.com