ฉีดยาคุมกำเนิดชนิด 1 เดือนและชนิด 3 เดือน

ฉีดยาคุมกำเนิด

  

ฉีดยาคุมกำเนิด (Injection Contraceptives)

ฉีดยาคุม เป็นอีกวิธีการคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยม เพราะสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องกลัวว่าจะลืมกินยา และยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูง เป็นการยับยั้งการตกของไข่ที่ทำให้เยื่อบุมดลูกบางจึงไม่เหมาะกับการฝังตัวของไข่ และยังทำให้มูกที่ปากมดลูกมีความเหนียวข้น จนอสุจิไม่สามารถผ่านเข้าไปได้

แต่สามารถคุมกำเนิดได้ในระยะสั้นเพียง 1 หรือ 3 เดือนเท่านั้น การฉีดยาคุมมี 2 แบบคือ ฉีดยาคุมแบบ 1 เดือน และฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน หากไม่ฉีดยาอย่างต่อเนื่องก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เช่นกัน

  บริการฉีดยาคุม ราคาสบายกระเป๋า มีราคาตั้งแต่ 399 บาท ถึง 915 บาท ไม่รวมการตรวจตั้งครรภ์ ทั้งนี้ราคาฉีดยาคุมขึ้นกับชนิดของยาคุมแบบฉีดและความต่อเนื่องของการฉีดยา  

  ดูข้อแตกต่างระหว่างฉีดยาคุมกับกินยาคุมกำเนิด

Injection Contraceptives

ยาคุมแบบฉีดเป็นวิธีที่ช่วยคุมกำเนิดได้อย่างสะดวก ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง เพียงฉีดยาคุมครั้งเดียวก็สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที

ไม่ต้องกังวลกับการลืมกินยาคุมอีกต่อไป ไม่ต้องป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์  สามารถเลือกยาคุมกำเนิดตามระยะเวลาที่ต้องการได้ คือ ยาฉีดคุมกำเนิด 1 เดือน และยาฉีดคุมกำเนิดแบบ 3 เดือน

" หากต้องการคุมกำเนิดแบบต่อเนื่องหลายเดือนสามารถกลับมาฉีดยาคุมกำเนิดต่อได้ตามต้องการ "

เข้ารับบริการ ฉีดยาคุม

กรณีที่ต้องการคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน โดยไม่ต้องการมาฉีดยาคุมบ่อยๆ คุณสามารถเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบฝังยาคุม

 

 วิธีนี้จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างยาวนาน การฝังยาคุมครั้งหนึ่งจะช่วยป้องกันได้นาน 3 หรือ 5 ปี ช่วยให้คุมกำเนิดได้อย่างสบายใจ ปลอดภัย ไม่ต้องกินหรือฉีดยาคุมอีก 

ฉีดยาคุมกำเนิด คลิกที่นี่

ชนิดของยาฉีดคุมกำเนิด

  1. ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดนี้จะใช้คุมกำเนิดได้นาน 1 เดือน โดยทั่วไปมักฉีดที่กล้ามเนื้อหัวไหล่ (แขน) หรือสะโพก และยากลุ่มนี้ยังทำให้มีประจำเดือนมาทุกเดือน

  2. ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียว ใช้คุมกำเนิดได้นาน 3 เดือน โดยทั่วไปมักฉีดที่กล้ามเนื้อสะโพก ยานี้อาจทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ กล่าวคือช่วงแรกประจำเดือนอาจมาไม่สม่ำเสมอหรือมากะปริดกะปรอย ต่อมาจะค่อยๆลดลง และอาจหายไปได้

ชนิดของยาฉีดคุมกำเนิด
ฉีดยาคุมกำเนิด 1 เดือน และ 3 เดือน

ฉีดยาคุมกำเนิดแบบ 1 เดือน กับ 3 เดือน แบบไหนดีกว่า

1. ฉีดยาคุมแบบ 1 เดือน

  • เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (มีทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน)

  • นัดฉีดทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง (หรือนัดฉีด 1 ครั้ง ทุกๆ 4 สัปดาห์)

  • ประจำเดือนจะมาตามปกติทุกเดือน

  • ไม่เหมาะกับผู้ให้นมบุตรเพราะจะทำให้น้ำนมแห้ง

  • ฉีดที่ต้นแขน

  • เริ่มฉีดภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน

2. ฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน

  • เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (ฮอร์โมนโปรเจสติน)

  • นัดฉีดทุก 3 เดือน (หรือนัดฉีด 1 ครั้ง ทุกๆ 12 สัปดาห์)

  • ประจำเดือนมากะปริดกะปรอยหรือ ประจำเดือนจะไม่มา (แต่ไม่ได้เป็นผลเสียต่อสุขภาพ)

  • เหมาะกับผู้ที่ให้นมบุตร

  • ฉีดที่สะโพก

  • เริ่มฉีดภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน

ผลดีของการฉีดยาคุมกำเนิด 

  1. มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงมาก

  2. สามารถรับบริการได้ง่าย เนื่องจากวิธีการและอุปกรณ์สำหรับการให้บริการไม่ยุ่งยาก เลือกให้บริการแก่สตรีทั่วไปได้อย่างกว้างขวาง เพราะยาฉีดมีข้อห้ามในการใช้ยาน้อย

  3. ไม่มีผลกับการมีเพศสัมพันธ์อาจจะทำให้ดีขึ้น เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะตั้งครรภ์

  4. ไม่ต้องรับประทานยาคุมกำเนิดทุกวัน

  5. สามารถเลื่อนการนัดได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์

  6. ใช้ได้ในทุกกลุ่มอายุ

  7. ไม่มีอาการข้างเคียงของเอสโตรเจน

  8. ป้องกันการตั้งครรภ์นอกมดลูก มะเร็งรังไข่ เนื้องอกในมดลูก

  9. ไม่เกิดโรคโลหิตจาง เพราะส่วนใหญ่ ผู้ที่ฉีดยาคุมนานๆ มักไม่มีประจำเดือน

ผลข้างเคียงการฉีดยาคุมกำเนิด

ผลข้างเคียงการฉีดยาคุมกำเนิด 

  1. ประจำเดือนกะปริบกะปรอย มักจะเกิดในเข็มแรกๆ ซึ่งไม่เป็นอันตรายใดๆ หลังจากฉีดยา เข็มที่ 2-3 ประจำเดือนกะปริบกะปรอยจะน้อยลง

  2. มีประจำเดือนมากหรือมีนานกว่า 8 วัน หรือมีเป็นสองเท่าของประจำเดือนปกติพบได้น้อย ให้คำแนะนำว่าจะเป็นในช่วงเข็มแรก แต่ถ้ามีนานเกินไป ควรหาสาเหตุทางนรีเวชเพื่อให้การรักษา

  3. ไม่มีประจำเดือน ซึ่งไม่มีอันตรายใดๆ 

  4. น้ำหนักตัว อาจขึ้นได้1-2 กิโลกรัม ใน 1 ปีทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย ถ้าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก ควรหาสาเหตุอื่นด้วย

  5. อาการข้างเคียงอื่น ๆ เช่น อาจมีการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ มึนงง ใจสั่น อารมณ์เปลี่ยนแปลง หงุดหงิด อ่อนเพลีย

  หากคุณสนใจข้อมูลผลข้างเคียงจากการฝังยาคุมกำเนิด เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกวิธีคุมกำเนิด คลิกที่นี่เพื่ออ่าน

ฉีดยาคุมกำเนิด คลิกที่นี่

สรุป : การฉีดยาคุมแบบ 1 เดือนและฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน เป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งคู่ มีข้อดีและข้อจำกัดที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถฟันธงได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน ขึ้นอยู่กับสถานะและความสะดวกส่วนบุคคล

ข้อควรคำนึง : ไม่มีวิธีการคุมกำเนิดใดที่สามารถคุมกำเนิดได้ 100% ทุกวิธีการมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ แต่การคุมกำเนิดทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ต่ำ ขึ้นกับวิธีการคุมกำเนิด และการปฏิบัติตนหลังคุมกำเนิด

ราคาฉีดยาคุมกำเนิด

ราคาฉีดยาคุมกำเนิด 

  • ฉีดยาคุมกำเนิด แบบ 1 เดือน
    ฉีดครั้งแรก ราคา 915 บาท , ฉีดต่อเนื่อง ราคา 499 บาท
    นัดฉีดทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง (หรือนัดฉีด 1 ครั้ง ทุกๆ 4 สัปดาห์)

  • ฉีดยาคุมกำเนิด แบบ 3 เดือน
    ฉีดครั้งแรก ราคา 815 บาท , ฉีดต่อเนื่อง ราคา 399 บาท
    นัดฉีดทุก 3 เดือน (หรือนัดฉีด 1 ครั้ง ทุกๆ 12 สัปดาห์)

หมายเหตุ : ราคาอาจปรับเปลี่ยนตามคำวินิจฉัยของแพทย์


  หากสนใจฉีดยาคุมกำเนิด สามารถค้นหาใน google ด้วยคำว่า ฉีดยาคุมใกล้ฉัน หรือ คลินิกใกล้ฉัน เพื่อรับบริการได้เลยค่ะ  

ฉีดยาคุม 1 เดือน และ ฉีดยาคุม 3 เดือน

คำถามคำตอบที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดยาคุมกำเนิด

เริ่มฉีดยาคุมได้ตอนไหน

  • ควรเริ่มฉีดยาคุมกำเนิดภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน

 

หลังฉีดยาคุม สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ทันทีเลยไหม

  • การเริ่มฉีดยาคุมนั้นควรเริ่มภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน เพื่อให้มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันได้ทันที และเพื่อให้แน่ใจว่าตอนที่เริ่มฉีดนั้นไม่ได้ตั้งครรภ์ หากเริ่มในช่วงเวลาอื่น ควรจะรอให้ครบ  7 วันก่อนค่อยมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันได้  การฉีดยาคุมกำเนิดนั้นจะไม่ได้ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น ถ้าต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย

 

ฉีดยาคุมไม่ใช่ช่วงที่เป็นประจำเดือนได้ไหม

  • สามารถฉีดยาคุมได้ แต่แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจสอบการตั้งครรภ์และรับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนฉีด

 

ทำไมฉีดยาคุมแล้วประจำเดือนมาไม่ปกติ / หรือมากะปริดกะปรอย

  • หากฉีดยาคุมแล้วมีอาการประจำเดือนมาไม่ปกติถือว่าเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ ผลที่เกิดขึ้นแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ไม่มีอันตรายกับร่างกาย

 

การเลือกฉีดยาคุม แบบ 3 เดือน หรือแบบ 1 เดือน ต่างกันอย่างไร

  • ยาคุมแบบ 1 เดือน เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (มีทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน) นัดฉีดทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง ประจำเดือนจะมาตามปกติทุกเดือน
  • ยาคุมแบบ 3 เดือน  เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (ฮอร์โมนโปรเจสติน) นัดฉีดทุกๆ 3 เดือน ประจำเดือนมากะปริดกะปรอยหรือ ประจำเดือนจะไม่มา (แต่ไม่ได้เป็นผลเสียต่อสุขภาพ)

 

ฉีดยาคุมแบบรายเดือน แล้วเปลี่ยนมาฉีดแบบ 3 เดือน หรือฉีดแบบ 3 เดือน แล้วเปลี่ยนมาฉีดแบบรายเดือนสามารถทำได้หรือไม่

  • ถ้าต้องการเปลี่ยนช่วงเวลาการฉีดยาคุม ให้มาตามนัดที่ตรงกับวันที่จะฉีดเข็มถัดไป เพื่อเปลี่ยนยาใหม่ อาจมาก่อนวันนัดได้ เเต่ไม่ควรมาหลังวันนัด

 

การฉีดยาคุมกำเนิด ต้องฉีดตามนัดเลยไหม สามารถเลื่อนเร็วขึ้นหรือช้าออกไปได้หรือไม่

  • ยาฉีดคุมกำเนิดมีทั้งชนิดฮอร์โมนรวม ซึ่งประกอบด้วยฮอร์โมนในกลุ่มเอสโตรเจนและฮอร์โมนในกลุ่มโพรเจสโตเจน และชนิดที่มีเพียงฮอร์โมนในกลุ่มโพรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียว ควรฉีดตรงตามกำหนดเวลา อย่างไรก็ตามในกรณีที่ต้องฉีดก่อนกำหนด โดยทั่วไปยาคุมกำเนิดชนิดที่ต้องฉีดทุกเดือนสามารถฉีดก่อนและหลังกำหนดได้ดังนี้

 

กรณีฉีดก่อนกำหนด : แบบฉีด 1 เดือน สามารถฉีดก่อนกำหนดได้ +/- 3 วัน และ แบบ 3 เดือน สามารถฉีดก่อนกำหนดได้ +/- 7 วัน ซึ่งอาจส่งผลให้มีเลือดคล้ายประจำเดือนออกผิดปกติ บางรายอาจออกกะปริบกะปรอยในช่วงแรก แต่ต่อมาจะค่อย ๆ น้อยลง

 

กรณีฉีดล่าช้าเกินกำหนด : แบบฉีด 1 เดือน สามารถฉีดล่าช้ากว่ากำหนดได้ +/- 3 วัน และแบบ 3 เดือน สามารถฉีดล่าช้ากว่ากำหนด +/- 7 วัน แต่หากล่าช้าเกินเวลาที่กำหนดให้งดการมีเพศสัมพันธ์หรือคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การใส่ถุงยางอนามัย ไปจนถึงวันที่ฉีดและหลังจากฉีดไปแล้วอีก 7 วัน

หมายเหตุ : วันที่ฉีดยาคุมกำเนิดก่อนกำหนดและวันที่ฉีดยาคุมเกินกำหนดหรือล่าช้าจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ด้วย



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

  Hot Line 081-562-7722 กดโทรออก

  @qns9056c

  อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม


เรียบเรียงโดย อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม
  แก้ไขล่าสุด : 27/11/2023

free hit counter
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้